วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2550

สวัสดีปีใหม่ 2551

มีความสุขสมหวังดั่งที่คิด
สุขภาพกายและจิตช่างสดใส
มีกำลังต่อสู้ทุกเภทภัย
สมประสงค์ดังใจปีใหม่เทอญ


วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ออกกำลังกาย...บริหารหัวใจ

วันนี้เป็นวันหยุดแต่ตื่นเช้า...ขยันนะ
เลยมานั่งดูข้อมูลข่าวสาร...พอดี๊พอดีเจอเรื่องที่ชอบมาก ๆ
แต่ยังหาแหล่งที่เขียนแล้วอ่านง่าย ๆ...ไม่พบ
นี่เจอเมื่อกี๊นี่แหละ...เป็นเว็บที่อ่านง่ายมีภาพประกอบตรงใจพอดี
เรื่องของอุปกรณ์ฟิตเนสสำหรับออกกำลังกาย...ที่เหมาะกับแต่ละคน
และเป็นประโยชน์...ต่อการบริหารหัวใจด้วย
ที่ปกติไปใช้อยู่เป็นประจำคือ...จักรยานปั่นอยู่กับที่
ซึ่งรู้สึกว่าเป็นผลดีต่อสุขภาพ...และไม่เหนื่อยเกินไป
ลองอ่านดูก็แล้วกัน

http://women.msnth2.com/articles/680/80000973.aspx

ทำอย่างไร...ช่วยทำให้คนไข้น้อยลง

ห่างหายจากบล็อกนี้ไป...อาทิตย์กว่า ๆ
ไม่ได้ลืมหรอก...แต่กำลังคิดว่าจะเขียนอะไรดี
ที่น่าจะมีประโยชน์...สำหรับคนที่แวะเข้ามาดู
พอดีได้เข้าไปศึกษาหาความรู้ต่าง ๆ... ในเว็บอื่น ๆ
ก็ได้พบข้อมูล...ที่ น.พ.สำเริง ไตรติลานันท์ เขียนไว้
เรื่อง "พวกเราสามารถช่วยทำให้คนไข้ร.พ.น้อยลงได้ ถ้าช่วยกันตามเสนอ"
ในเว็บ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=samrotri&group=9
อ่านแล้วมีประโยชน์ดีมาก...ดูแล้วคงทำตามไม่ยาก...ถ้าตั้งใจ
เลยขออนุญาตนำมา...เผยแพร่ต่อ ๆ กันไป

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

เชื่อไหมว่า...สุขภาพสำคัญ

เชื่อไหมว่า...สุขภาพสำคัญสำหรับพวกเราทุกคน
ถ้าไม่เชื่อ...ก็ลอง" เจ็บป่วย "ดูซี
ท้าพิสูจน์อะไรแบบนั้น...น่าเกลียดนะ
อย่าล้อเล่นกับความเจ็บป่วย
แต่ก็อยากให้รู้จริง ๆ ว่า เรื่องของสุขภาพสำคัญมาก
พวกเราทุกคนจะได้ดูแลสุขภาพ
เริ่มต้นจากสุขภาพของตัวเองก่อน
แล้วก็ดูแลสุขภาพของคนในครอบครัว
คนที่เคย " เจ็บป่วย " เท่านั้นที่จะรู้ดี
ว่าถ้าสุขภาพดีแล้ว เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม
แต่คนไม่เคย " เจ็บป่วย " จะไม่รู้หรอก
สำหรับตัวเราเอง...หลายปีแล้วเคย " เจ็บป่วย "
ถีงแม้ไม่หนักถึงขั้นนอนโรงพยาบาล
แต่ก็ถึงขนาดที่คิดว่า " วันนี้ตูจะตายไหมเนี่ย "
เพราะหายใจไม่สดวก...แล้วเป็นตอนกลางคืน
นอนไม่ได้เลย...ซื้อยาทานเอง...อดทนไปถึงเช้า
พอเช้าก็ยังไม่หาย ไปหาหมอที่คลีนิค
หมอเห็นอาการ รีบลัดคิวให้ ฉีดยาขยายหลอดลมให้
เฮ้อ...รอดชีวิตมาได้

ณ ขณะนั้น รู้สึกว่าอยากหายจากโรคนี้เร็ว ๆ
เอาอะไรมาให้ตอนนั้นก็ไม่อยากได้เลย
อยากให้หายจากโรคนี้อย่างเดียว (ขอย้ำว่า " โรค " นะ ไม่ใช่ " โลก ")
หมอบอกว่าเป็นโรคภูมิแพ้...อาการคือหลอดลมตีบ หายใจไม่สดวก
ไม่รู้ว่าแพ้อะไร...ฝุ่น...อากาศ...อาหาร ฯลฯ
หมอบอกว่าถ้าอยากรู้ว่าแพ้อะไรต้องสังเกตุหรือต้องไปเทสต์ดู
จนเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่รู้ว่าแพ้อะไร
แต่สรุปกับตัวเองว่า คงเป็นเพราะร่างกายไม่แข็งแรงนั่นแหละ
แต่ตอนนี้โรคนั้นก็หายไปแล้วจากชีวิตข้าพเจ้า
เพราะไม่เป็นแบบนั้นมาหลายปีแล้ว...คงสุขภาพดีขึ้น
พูดเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่ค่อยสนุกเท่าไรนะ
แต่คนเราคงไม่พ้น " เกิด แก่ เจ็บ ตาย "
สนใจไว้บ้างก็ดีเหมือนกัน
แล้วที่เขียนมาตั้งนาน จริง ๆ แล้ว อยากจะบอกว่า
แม้แต่มหาเศรษฐีอัจฉริยะระดับโลก " Bill Gates "
ก็ยังให้ความสำคัญและให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ
ลองเปิดไปอ่าน " เมื่อยักษ์ใหญ่แห่งโลก software โดดมาเล่นเรื่องสุขภาพ " ที่เว็บ
http://www.wuttanan.com/few/?p=60#comment-27
และ " คำปราศรัยในงานรับปริญญาของ Bill Gates " ที่เว็บ
http://tassapola.blogspot.com/2007_07_01_archive.html

อันดับการเสียชีวิต

วันนี้ได้มีโอกาสไปเข้าอบรมเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ
วิทยากรบอกว่ามีคนจัดอันดับการเสียชีวิตของคนไทย ดังนี้
อันดับหนึ่ง เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ
อันดับสอง เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
อันดับสาม เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง
ตรงกับที่เมื่อวานโพสต์เรื่องหัวใจและหลอดเลือดพอดิบพอดีเลย

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ทำอย่างไร...หัวใจและหลอดเลือดจึงจะดีไม่มีโรคภัย

หัวใจที่แข็งแรงจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตที่สมบูรณ์ของคนทุกวัย
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยรุ่น วัยทำงาน หรือผู้สูงอายุ
ต่างก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคหัวใจขาดเลือดและหลอดเลือดสมองอัมภาตได้ทั้งสิ้น
ในปัจจุบันแม้วิวัฒนาการของการรักษาโรคหัวใจจะก้าวหน้าไปมาก
แต่ความรู้พื้นฐานในการป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
เป็นสิ่งที่จำเป็นที่ทุกคนควรศึกษาหาความรู้
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
ได้แก่ การสูบบุหรี่ โรคความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง
โรคอ้วน โรคเบาหวาน และที่สำคัญ ควรออกกำลังกายอย่างสมำเสมอ
และขจัดความเครียดในชีวิตประจำวันให้ลดน้อยลง
ก็จะช่วยให้ทุกท่านห่างไกลจากโรคหัวใจและหลอดเลือดได้มากขึ้น

ทุกคนต้องการมีหัวใจและหลอดเลือดที่ดี...แต่กลับไม่ได้สนใจดูแล
ปรับวิถีชีวิตเพียงนิด รางวัลชีวิตไม่เพียงแค่ฝัน
1. เลิกสูบบุหรี่ คิดไว้เสมอว่ายิ่งสูบมากและนานเท่าใด
ก็จะยิ่งเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลวมากขึ้นเท่านั้น
2. ออกกำลังกาย แบบไม่หักโหม เช่น ทำสวน ทำงานบ้าน เดินเร็ว
เต้นรำ หรือว่ายน้ำ ช่วงละ 15 นาที วันละ 2 ครั้ง สัปดาห์ละ 5 วัน
ซึ่งจะทำให้มีเหงื่อซึมออกมาและหายใจหอบเร็วขึ้นกว่าปกติ
3. ควบคุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสม กินอาหารสุขภาพร่วมกับการออกกำลังกาย
ถ้าเป็นไปได้ก็ให้ชักชวนสมาชิกในครอบครัว ให้ทำกิจกรรมร่วมกัน
รวมทั้งเข้ากลุ่มควบคุมน้ำหนัก เพื่อสร้างแรงจูงใจ
4. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
การกินอาหารสุขภาพอย่างเคร่งครัดและรู้จักใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม
จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคอื่น ๆ ได้
5. ควบคุมความดันโลหิต ลดน้ำหนักตัว ลดเกลือ และอาหารมันจัด
หยุดสูบบุหรี่ และลดระดับความเครียด ถ้าเปลี่ยนวิถีชีวิตไม่สำเร็จ
ก็จำเป็นต้องใช้ยารักษาระยะยาว
6. ปรับเปลียนอาหารการกิน กินอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัว หรือไขมันต่ำ
แทนอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว กินผัก ผลไม้สดมาก ๆ
7. ลด ละ เลิกปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ ลดปริมาณในแต่ละวัน
และจำนวนของการดื่มต่อสัปดาห์ ไม่ดื่มเป็นประจำ
8. ลดความเครียด เรียนรู้วิธีลดความเครียด โดยการผ่อนคลายและทำสมาธิ
อาจป้องกันไม่ให้เครียดเกินไป วางแผนทำงาน วางเป้าหมายที่เป็นไปได้
และร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กับครอบครัว เช่น ดูแลลูก ๆ และทำงานบ้าน
รดน้ำต้นไม้ ซักผ้า ล้างรถ กวาดบ้าน เป็นต้น
9. ตรวจสอบสุขภาพที่จำเป็นพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอ
สุขภาพของท่านที่ควรจะต้องรับการประเมินเป็นระยะ ดังต่อไปนี้
- วัดระดับความดันโลหิตอย่างถูกต้องปีละ 4 ครั้ง
- ชั่งน้ำหนักปีละ 4 ครั้ง
- ตรวจวัดระดับน้ำตาล ไขมันผิดปกติ ได้แก่ ระดับโคเลสเตอรอล ฯลฯ
หน้าที่ของไต ปีละครั้ง

หัวใจเป็นอวัยวะที่สำคัญของทุกชีวิต
คุณจะไม่เสียเวลาและจะไม่เสียใจเลย
ถ้าใส่ใจกับการดูแลสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือดเสียบ้าง
อย่าปล่อยให้ตัวเองเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ

(คัดมาจาก แผ่นพับของสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข)

นอนไม่หลับ...ทำไงดี

บอกว่าจะค้นคว้าเรื่องโรคนอนไม่หลับมาให้ ก็หายไปเลย
มัวแต่ไปศึกษาเรื่องอื่น ๆ ตอนนี้กลับมาแล้ว
ค้นคว้าจากเว็บต่าง ๆ พบข้อมูลหลายแห่ง อาทิเช่น
http://www.mahidol.ac.th/mahidol/ra/rapc/chak2.html
http://www.siamhealth.net/Disease/neuro/insomnia/index.htm

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

โรคนอนไม่หลับ

ไม่รู้ว่า" นอนไม่หลับ " เป็นโรคหรือเปล่า
รู้แต่ว่าคนที่นอนไม่หลับเนี่ย
เขาพูดกันว่าทรมานน่าดู ฝืนเท่าไรก็ไม่หลับ
สำหรับตัวเราเอง แปลกประหลาดกว่าชาวบ้านเขา
หลับตาปุ๊บ ก็หลับปั๊บ
บางทียังไม่ทันหลับตาเลย หลับซะแล้ว
มักจะเป็นตอนขับรถ (กรุณาอย่าลอกและเลียนแบบ)
เลย " นอนไม่หลับ " ไม่ค่อยเป็น
แต่เคยเป็นนานมากกกกกกกกกกกกกกกก...แล้ว
ดื่มกาแฟหลายแก้วไปหน่อย เลยนอนไม่หลับ
ตอนนี้พอเข้าใจความรู้สึกของคนนอนไม่หลับแล้วหละ
วันนี้เลยอยากค้นคว้าเรื่องการรักษาโรคนอนไม่หลับมาฝากกัน

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

พูดน้อยป้องกันความชรา

คงไม่มีใครปฏิเสธว่า...อยากชราช้า ๆ หน่อย
วิชาแพทย์กล่าวไว้ว่า คนพูดจา 1 นาที
จะต้องสูญเสียเม็ดโลหิตแดงถึง 280 ล้านเม็ด
ปากต้องรับภาระหลายอย่าง ทั้งหน้าที่ในการพูดและรับประทานอาหาร
ในขณะที่ตา (ซึ่งไม่ใช่สามียาย) รับภาระในการมองดูเพียงอย่างเดียว
หูก็รับภาระในการฟังอย่างเดียวเช่นกัน
ฉะนั้น การพูดมาก ๆ ย่อมทำให้สูญเสียพลังไปมาก
ถ้าเราต้องการมีอายุยืน และไม่อยากแก่ชราเร็ว
ก็จงระมัดระวังเกี่ยวกับการพูดจาให้มาก
พยายามพูดแต่แรื่องที่เป็นสาระ เว้นการพูดเพ้อเจ้อส่อเสียด
รวมทั้งคำพูดที่ไม่เป็นมงคลทั้งหลายทั้งปวง
ก็จะทำให้ความชรามาเยือนช้าลง

และอาจช่วยให้ไม่เสียชีวิตก่อนวัยอันควรอีกด้วย

ยิ้ม...หัวเราะ...เพื่อสุขภาพ

ปกติยิ้มก็ไม่ค่อยจะเก่ง...หัวเราะก็ไม่ค่อยจะบ่อย
แต่ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะพยายามยี้มมมม...และหัวเราะ 555666 บ่อย ๆ
เพื่ออะไรล่ะ...ก็เพื่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของข้าพเจ้าเองน่ะซี
และอาจหมายถึงสุขภาพของคนอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้รัศมีด้วย
การยิ้มและการหัวเราะไม่ได้รักษาอาการป่วยไข้ได้ทั้งหมด
แต่ก็ช่วยบรรเทาความกังวลและความเจ็บปวดลงไปได้บ้าง
การยิ้มเป็นการแสดงความรู้สึกที่ทำให้ระบบในร่างกายผ่อนคลายลง
การยิ้มและหัวเราะเป็นการหยิบยื่นไมตรีให้แก่กัน
การหัวเราะทำให้ออกซิเจนเข้าไปในปอดมากขึ้นหลอดเลือดขยาย
และกระตุ้นให้โลหิตหมุนเวียนไปตามจุดต่าง ๆ ในร่างกายอย่างทั่วถึง
รวมทั้งกระตุ้นการผลิตสารซึ่งช่วยระงับความเจ็บปวดตามธรรมชาติ
นอกจากนี้คนที่หัวเราะมาก ๆ มักไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับโรคกระเพาะอาหาร
และยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้อีกหลายประการ
วันหลังจะค้นคว้ามาบอกเล่าเพิ่มเติม
วันนี้คุณก็อย่าลืมยิ้มและหัวเราะละกัน



วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ตรวจสุขภาพประจำปี

ได้มีโอกาสตรวจสุขภาพประจำปี
ปีนี้ดูเหมือนสุขภาพดีกว่าปีที่แล้ว
เพราะผลการตรวจสุขภาพ
เปรียบเทียบ 2 ปีและเปรียบเทียบกับค่าปกติได้ดังนี้
ชีพจร (ค่าปกติ 60-80 ครั้ง/นาที) 74 (ปี 49) 73 (ปี 50)
ความดันโลหิต (ค่าปกติ 120/80 mmHg) 122/77 (ปี 49) 86/57 (ปี 50)
จำนวนเม็ดเลือดแดง (ค่าปกติ 12-16 gm/dl) 11.5 (ปี 49) 10.6 (ปี 50)
ความเข้มข้นของเลือด (ค่าปกติ 36-50 %) 35.2 (ปี49) 34.3 (ปี 50)
จำนวนเม็ดเลือดขาว(ค่าปกติ 4,500-11,000 Cell/mm) 5,400 (ปี 49) 4,510 (ปี 50)
นำตาลในเลือด (ค่าปกติ 70-100 mg%) 84 (ปี 49) 87 (ปี 50)
คอเลสเตอรอล (ค่าปกติ 150-200 mg%) 197 (ปี 49) 169 (ปี 50)
ไตรกลีเซอร์ไรด์ (ค่าปกติ 20-200 mg%) 109 (ปี 49) 138 (ปี 50)
การทำงานของไต
- BUN (ค่าปกติ 7-18 mg%) 16 (ปี 49) 13 (ปี 50)
-CREATININE (ค่าปกติ 0.7-1.4 mg%) 1.05 (ปี 49) 0.85 (ปี 50)
- URIC ACID (ค่าปกติ 3.6-8.2 mg%) 4.1 (ปี49) 4.9 (ปี 50)
การทำงานของตับ
- Alkaline Phosphatase(ค่าปกติ 53-128 IU) 58 (ปี 49) 67 (ปี 50)
- SGOT (ค่าปกติ 5-34 IU) 9 (ปี 49) 26 (ปี 50)
- SGPT (ค่าปกติ 0-40 IU) 13 (ปี 49) 28 (ปี 50)

บางตัวก็ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร แต่ก็เดา ๆ เอาเอง
ดูไปดูมาความ
ดันโลหิตออกจะต่ำไปหน่อย
มีผู้ (คิดว่า) รู้บอกว่าให้ดื่มเบียร์ทุกวัน
กลัวว่าโรคความดันต่ำอาจหาย แต่มีโรคใหม่เข้ามาแทน
ใครเป็นผู้รู้จริง ๆ ช่วยสงเคราะห์หน่อยเถอะว่าควรรักษาอย่างไร
แล้วก็อยากเชิญชวนตรวจสุขภาพประจำปีกัน
หากมีโรคอะไรจะได้รักษาทัน

อยากเขียนเรื่องสุขภาพ

อยากเขียนเรื่องสุขภาพ
ไม่ได้เรียนจากมหาวิทยาลัยใด ๆ
แต่ศึกษาเองจากหลาย ๆ ที่
อาทิเช่น อ่านหนังสือ เข้าอบรม
ฟังจากผู้รู้ วิทยุ ทีวี ซีดี เทป
จากประสบการณ์ของตัวเอง
และพ่อแม่พี่น้องเพื่อนฝูง ฯลฯ

เลือกเทมเพลตนี้ เพราะดูสดใส
เหมาะกับเรื่องสุขภาพดี
ก็ยังไม่มีภาพประกอบอยู่ดี
เพราะนึกไม่ออกว่าควรใช้ภาพอะไรดี